วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วันศุกร์


วันศุกร์
ทำไม ไม่สุข สมชื่อเลยอ้ะะ

โอ๊ยยย
รถติดมากกกกก

เจอ อุบัติเหตุ 
รถจูบตูดกัน
สามที่ 

โอ่ยย
อ่อนล้า
อ่อนแรง
:(

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552

นักรบไร้ผม


นักรบชราผู้หนึ่งรู้สึกอับอายศีรษะอันล้านเลี่ยนของตน 

จึงได้ไป เสาะหาวิกผมมาสวมใส่

วันหนึ่งเขาออกไปล่าสัตว์กับเพื่อนๆ นักรบรุ่นเดียวกัน 

ขณะที่ ควบม้าไปนั้นกระเเสลมก็พัดมาทำให้วิกผมปลอมปลิวไปทันที

เพื่อนๆ พากันหัวเราะขบขันเมื่อเห็นศีรษะอันล้านเลี่ยนไร้เส้นผม ของเขา

เเต่นักรบชราก็พยายามเอ่ยอย่างขบขันเเก้เขินว่า

"ผมจริงยังเอาไว้ไม่อยู่ เเล้วจะเอาผมปลอมไว้ได้อย่างไร"


นิทาน เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

ถ้ายอมรับในสภาพความเป็นจริง ก็ไม่ต้องอับอายใคร 


เกิดปัญญามั้ยยย ???


เราว่า โลกนี้ มันไม่มีความ พอดี..

ความพอดี อยู่ตรงไหน?

ไม่มี๊ !

หลายคนก็เคยบอกไว้ว่า

ควรพอใจในสิ่งที่ตนเองมี

พูด ก็พูดได้อ่ะเราว่า ทำ มันทำยากนะ..

เราก็เป็นคนหนึ่งที่ ไม่เคยพอใจ ในสิ่งที่มี ซักเท่าไหร่

แต่บางครั้ง เราพยายาม ทำใจ ยอมรับ นะ

..................


วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เฮ่ออ ..

เฮ่อ ....


ปัญญา



ไม่เกิด


วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เสรี ///

เราได้ไปอ่านเจอ บทความที่หมอฝรั่ง
เขากล่าวเอาไว้ที่ว่า

นายแพทย์เฟรเดริค ซัลด์มานน์ กล่าวว่า 
“เราควรจะเรอ ผายลม หรือขับเหงื่อให้มันออกไปโดยเสรี เพื่อจะกดโอกาสที่จะเป็นมะเร็งให้เหลือน้อยลง” 
 “คนเราควรจะผายลมให้หมด 
เพื่อที่จะได้กำจัดก๊าซที่เกิดขึ้นในตัววันละ2ลิตรให้หมด
 เพราะมันเป็นไปตามขบวนการตามธรรมชาติ การกลั้นเอาไว้อาจเป็นอันตรายกับลำไส้” 
ขณะเดียวกัน เขาก็ได้แนะนำเสริมว่า การเรอก็เช่นกัน
 ควรจะเรอออกมาหลังอาหารทุกมื้อ เพราะมันเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคไส้เลื่อน 


เราก็เป็นคนหนึ่ง ที่ไม่ค่อยกลั้น เรอ เอาไว้เท่าไรนัก
จึงมีความคิดเห็นที่ เห็นด้วย มากๆ กับบทความนี้ 
แต่บางคนอาจมองว่า เป็นการไร้ มารยาท สุดๆ
ซึ่ง สังเกตได้จากสายตา อย่างออโต้ เลยทีเดียว
เมื่อเรา เรอ ออกไป ... (เอ้อ....)
แต่บางทีเรา ก็คิดว่า ถ้าไปสถานที่ ที่แบบเป็นทางการหน่อย
เราก็ควรที่จะพยายาม ระงับ !

ด้วยเหตุผลเรื่องการ ระบาย ออกนี้
มันเป็นเรื่องที่ แล้วแต่บุคคล เอามากๆ
บางคน รับไม่ได้
บางคน เฉยๆ 
บางคน ชิน
บางคน รังเกียจ 

แต่เราว่า ควรจะ ระบาย ออกไปโดยเสรี ...

อย่าได้ไปอายในการระบายกลิ่นอายของร่างกายออกไป
 เพราะจะเป็นการรักษาสุขภาพของตนเองให้อยู่ดี ...

:)

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

คำพูดเก่าๆ...

ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมานี้
รู้สึกว่าตัวเองใช้เงินฟุ่มเฟือยมาก..
โดยที่ไม่ได้สาระเลย
ได้แต่ความสุขของกระเพาะ....น้อยๆ

พอมานั่งคิดๆ..ดู
สงสารพ่อจิงๆ ที่รายจ่ายก็เยอะอยู่แล้ว
เรายังช่วยเพิ่มให้พ่ออีก ><

เราแว๊บบ คำพูดของ คู่คุณตา คุณยาย คู่หนึ่ง
ที่เคยนั่งรถตู้คันเดียวกันขึ้นมา  คุณตาเขาพูดว่า
 "เหลืออยู่2แบงค์ ค่ารถใบนึง ไปถึงก็ค่าข้าวอีกใบนึง"
ซึ่งมันคงไม่ใช่ แบงค์ที่มีค่าเงินสูงๆ แน่ๆ ...
พูดเสร็จคุณตาไม่ได้ รู้สึกเศร้าแต่อย่างใด
แต่คุณตาเขาพูดพร้อมความพอใจ พอเพียง และมีรอยยิ้ม ...

เราได้ยินแล้วรู้สึกละอายใจ ...
และอิจฉาคุณตาในบางสิ่ง



..............................





วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ของจริงป่าววะ???

ในวันที่เดินทางจากบ้านมาเรียน
ก่อนถึงมหาวิทยาลัยก็ได้แวะเข้าปั๊มก่อน
ซึ่งเราก็เห็นพระสงฆ์สององค์ยืนอยู่แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร..
พอเราทำธุระเสร็จ ตอนขับรถออกมาจากปั๊ม
พระรูปนึงก็เดินเข้ามาหารถเราและโบกมือเรียก
ด้วยความที่เป็นพระ เราก็จอด เปิดหน้าต่างลง พร้อมกดล็อครถทันที!
ถึงแม้จะเป็นพระ แต่เราก็รู้สึกกลัวๆ 
พระรูปนั้น ก็ได้พูดขึ้นว่า 

"โยม... หลวงพี่จะไปอุบลฯน่ะ"
เราอึ้งไปสองวินาที และแอบขำในใจ
ได้ตอบกลับไปว่า "หนูจะไปมหาลัยแค่ข้างหน้านี้ค่ะ"
พระรูปนั้นพูดกลับมาว่า 
"งั้นหลวงพี่ขอค่ารถหน่อยแล้วกันนะ..."
ด้วยความที่เราใจบุญ555 แต่ก็คิดในใจว่า นี่มันของจริงป่าววะ??
เราเลยหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมา พร้อมพูดว่า
"หนูก็ไม่ค่อยมีเงินอ่ะค่ะ..."
แต่ก็ยื่นแบงค์ยี่สิบ และเหรียญสิบ2เหรียญ ให้
พระรูปนั้นก็รีบบอกว่า
"วาง ๆๆๆ .. " อย่างรีบร้อน
เราก็คิดว่า เฮ่ยยย...รีบไหนน 
เราวางเงินบนเบาะ พระก็รีบหยิบเงินไป
และก็ไม่ได้พูดอะไร...
จากนั้นก็เดินไปพูดกับ พระอีกรูปที่ยืนอยู่
แล้วเราก็จากไป พร้อมกับข้อสงสัยข้อเดิมที่ว่า ของจริงป่าววะ???


ที่เราไม่แน่ใจ ก็เพราะ บทบาทของพระบางรูปในตอนนี้มันเปลี่ยนไปมาก จิงๆ
ข่าวที่ออกมา ต่างๆ นั้นมันทำให้คนเสื่อมศรัทธาในศาสนา
แต่มันไม่ใช่ไปซะทั้งหมด...